เพชรสีเขียว เป็นหนึ่งในเพชรแฟนซีคัลเลอร์ที่ขึ้นชื่อว่าหายากที่สุดในโลก แม้ว่าเพชรสีชมพู เพชรสีฟ้า และเพชรสีแดงจะมีมูลค่าสูงกว่าในบางตลาด แต่ในเชิง “ความยากของสภาพแวดล้อมที่ต้องเกิดขึ้น” เพชรสีเขียวธรรมชาตินับว่ามีความซับซ้อนทางธรณีวิทยามากเป็นพิเศษ เพราะการเกิดขึ้นของสีเขียวนั้นเกี่ยวข้องกับปัจจัยที่โดดเด่นอย่างหนึ่ง—การได้รับรังสีจากไอโซโทปกัมมันตรังสีในธรรมชาติในระดับที่พอเหมาะและเฉพาะเจาะจงมาก
ดังนั้น หากผู้เชี่ยวชาญด้านเพชรต้องจัดอันดับความยากจาก “เงื่อนไขธรรมชาติในการเกิดสี” เพชรสีเขียวธรรมชาติย่อมติดอันดับต้นๆ ของโลกอย่างไม่ต้องสงสัย บทความนี้จะเจาะลึกว่าทำไมเพชรสีเขียวธรรมชาติถึงหายาก โดยอ้างอิงจากข้อมูลสถิติของเหมืองที่พบเพชรสีเขียวจริง ประกอบกับหลักวิทยาศาสตร์ผลึก การแผ่รังสี และสิ่งแวดล้อมใต้เปลือกโลก
เพชรแฟนซีคัลเลอร์หลายสี เช่น น้ำตาล เหลือง หรือชมพู อาจเกิดจาก “ความผิดปกติของผลึก” (Crystal Lattice Defects) หรือสิ่งเจือปนที่พบได้ทั่วไป เช่น ไนโตรเจนหรือโบรอน แต่เพชรสีเขียวมีเงื่อนไขที่พิเศษกว่า เพราะต้องเกิดจาก การได้รับรังสีตามธรรมชาติจากแร่ธาตุในชั้นดินหรือหิน โดยเฉพาะ Uranium และ Thorium ซึ่งเป็นสารกัมมันตรังสีที่พบได้เพียงบางพื้นที่ของโลก
เงื่อนไขที่ทำให้เพชรสีเขียวหายากมาก ได้แก่:
รังสีต้องมากพอที่จะทำให้เพชรเกิดศูนย์ความบกพร่อง GR1 (Vacancy Defect) ที่สร้างสีเขียวขึ้น แต่ไม่มากเกินไปจนทำให้เพชรเกิดความเสียหายหรือสีผิดธรรมชาติ
เพราะรังสีในธรรมชาติไม่สามารถแทรกเข้าไปถึงส่วนลึกของผลึกเพชรได้ จึงทำให้เพชรสีเขียวนิยมมีสีอยู่เฉพาะบริเวณผิวผลึก (Green Skin)
ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่หาได้ไม่มากในเหมืองเพชรทั่วไป
ซึ่งทำได้ยาก เพราะหากขัดผิวมากเกินไป สีเขียวจะหายไปแทบทั้งหมด
สิ่งเหล่านี้รวมกันทำให้เพชรสีเขียวธรรมชาติเป็นหนึ่งในเพชรที่หายากที่สุดในเชิงสถิติและกระบวนการเกิดสี
แม้ว่าแต่ละสถาบันหรือเหมืองจะไม่ได้เปิดเผยตัวเลขอย่างเป็นทางการทั้งหมด แต่ข้อมูลจากงานวิจัยและรายงานของผู้เชี่ยวชาญในตลาดสามารถคาดการณ์ได้ว่า:
– เพชรแฟนซีคัลเลอร์มีไม่ถึง 0.1%
– เพชรสีเขียวคิดเป็นประมาณ 0.01% – 0.02% ของเพชรแฟนซีทั้งหมด
แปลว่าโดยรวมแล้ว เพชรสีเขียวธรรมชาติอาจมีเพียง
1 เม็ดจากเพชรธรรมชาติ 1,000,000 เม็ด
หรือในบางเหมืองอาจต่ำกว่านี้อีกด้วยซ้ำ
จากข้อมูลที่รวบรวมโดยตลาดประมูลระดับโลกและรายงานของนักอัญมณีวิทยา พบว่าเหมืองหลักที่สามารถพบเพชรสีเขียวได้คือ:
เช่น Kimberley และ Finsch
– เป็นพื้นที่ที่มีแหล่งกำเนิดเพชรเก่า
– มีแร่กัมมันตรังสีตามธรรมชาติในบางจุด
– พบเพชรสีเขียวระดับสำคัญหลายเม็ดในประวัติศาสตร์
คิดเป็นประมาณ 60–70% ของเพชรสีเขียวธรรมชาติที่เข้าสู่ตลาดสากลในรอบหลายทศวรรษที่ผ่านมา
– พบเพชรสีเขียวโทน Yellow-Green
– ปริมาณน้อยและไม่สม่ำเสมอ
– ส่วนใหญ่มีสีเขียวที่กระจายไม่เท่ากัน (ลักษณะธรรมชาติ)
สัดส่วนประมาณ 15–20% ของตลาด
– พบเพชรสีเขียวอ่อนถึงปานกลาง
– เม็ดไม่ใหญ่มาก
– หายากเช่นกัน
สัดส่วนประมาณ 5–10%
– รายงานพบเพชรสีเขียวบ้าง แต่ปริมาณต่ำมาก
– ส่วนใหญ่เป็นเขียวอ่อนหรือปนสีอื่น
ประมาณ <5%
เหมืองออสเตรเลีย (Argyle) — พบเพชรสีชมพูจำนวนมาก แต่สีเขียวแทบไม่พบ
เหมืองแคนาดา — สภาพแวดล้อมไม่มีรังสีธรรมชาติในปริมาณสูงที่ทำให้เกิดสีเขียว
เหมืองบอตสวานา — แม้เป็นผู้ผลิตเพชรรายใหญ่ของโลก แต่พบเพชรสีเขียวน้อยสุดๆ
นี่เป็นเหตุผลว่าแม้ประเทศเหล่านี้ผลิตเพชรปริมาณมหาศาล แต่แทบไม่พบเพชรสีเขียวในระดับตลาดสากลเลย
เพชรสีอื่น เช่น สีเหลือง หรือสีน้ำตาล เกิดจาก “สิ่งเจือปนในผลึก” เช่น ไนโตรเจน ซึ่งแพร่กระจายง่าย แต่เพชรสีเขียวเกิดขึ้นจาก “ปฏิกิริยาภายนอกผลึก” ซึ่งเกิดได้ยากกว่าอย่างมาก
ทำให้มีเพชรจำนวนน้อยที่ได้รับรังสีในปริมาณเพียงพอสำหรับสร้างสีเขียวอย่างพอดี
การเจียระไนอาจลบสีออกไปครึ่งหนึ่งหรือมากกว่า
ทำให้เพชรสีเขียวที่ยัง “รักษาสีไว้ได้” ยิ่งหายากเข้าไปอีก
โครงสร้าง GR1 center เสื่อมลงง่ายเมื่อถูกความร้อน
ดังนั้นเพชรสีเขียวที่ผ่านกระบวนการความร้อนสูง (เช่น การปะทุของลาวา) อาจสูญเสียสีไปก่อนถึงผิวโลก
เพราะรังสีธรรมชาติทะลุผ่านโครงสร้างเพชรได้ “ลึกเพียงไม่กี่ไมโครเมตร”
เพชรส่วนใหญ่จึงไม่เกิดสีเขียวทั่วทั้งเม็ด ทำให้เม็ดสวยสมบูรณ์แบบพบยากมาก
ตลาดประมูลระดับโลก เช่น Christie’s และ Sotheby’s รายงานว่า:
เพชรสีชมพู → เข้าประมูลปีละ “หลายสิบเม็ด”
เพชรสีน้ำเงิน → ปีละ “ประมาณ 10–20 เม็ด”
เพชรสีเขียว → ปีละ “ไม่ถึง 5 เม็ด”
เพชรสีเขียวบริสุทธิ์ (Pure Green) → “หลายปีจะปรากฏสักหนึ่งเม็ด”
สถิตินี้ทำให้เพชรสีเขียวธรรมชาติเป็นหนึ่งในอัญมณีที่ “ไม่สามารถคาดการณ์การพบได้” ต่างจากสีอื่นที่มีโอกาสพบอย่างสม่ำเสมอมากกว่า
เพราะเพชรสีเขียวสามารถ “ทำสี” ได้ง่ายกว่าสีอื่นโดยการฉายรังสี
ดังนั้นเพชรสีเขียวที่เห็นในตลาดจำนวนมาก เป็นเพชรปรับสี ไม่ใช่เพชรสีเขียวธรรมชาติ
มีการประเมินว่า:
เพชรสีเขียวในตลาดทั่วไป > 90% เกิดจากการฉายรังสี
เพชรสีเขียวธรรมชาติแท้ < 10% ของตลาดทั้งหมด
เพชรสีเขียวธรรมชาติระดับคุณภาพประมูล < 1%
นี่ทำให้ใบรับรองจาก GIA มีความสำคัญอย่างยิ่ง
เมื่อรวมข้อมูลทุกด้าน—ธรณีวิทยา ฟิสิกส์ของรังสี สภาพแวดล้อมการเกิดเพชร สถิติการพบในเหมือง—สามารถสรุปได้ว่าเพชรสีเขียวธรรมชาติหายากจาก 4 ปัจจัยหลัก:
ต้องอยู่ใกล้แหล่งรังสีธรรมชาติพอดี ไม่มากไม่น้อยเกินไป
ทำให้การเจียระไนเสี่ยงทำให้สีหายไป
ทำให้เกิดสีเขียวเฉพาะบางเม็ดและมักไม่สวยสมบูรณ์
1 ใน 1,000,000 ของเพชรธรรมชาติทั้งหมด และส่วนใหญ่ไม่ถึงระดับคุณภาพสูง
ดังนั้นเพชรสีเขียวธรรมชาติจึงไม่ใช่แค่สวยและมีคุณค่าในตลาด แต่ยังเป็นหนึ่งในผลงานศิลปะของธรรมชาติที่ยากจะเกิดขึ้นและยากจะค้นพบที่สุดเพชรหนึ่งของโลก
เพชรสีเขียว